วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โปรเจคเตอร์

โปรเจคเตอร์ คืออะไร

  




        ปัจจุบันความต้องการในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงนั้นย่อมใด้เปรียบคู่แข่ง เสมอการใช้ทรัพยากรในการดำเนินการใดๆ ก็ตามโดยมีสิ่งมุ่งหวังถึงผลสำเร็จ และผลสำเร็จนั้นได้มาโดยการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด และการดำเนินการเป็นไปอย่างประหยัด ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลา ทรัพยากร แรงงาน รวมทั้งสิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้ในการดำเนินการนั้นๆ ให้เป็นผลสำเร็จ และถูกต้องโปรเจคเตอร์ได้มีวิวัฒนาการมาจากเครื่อง Over Head หรืออีกชื่อหนึ่งคือเครื่องปิ้งแผ่นใสในภาษาชาวบ้าน ที่เอาไว้ฉายสไลด์แผ่นใสเมื่อก่อนก็ว่าได้ โดยพอมาถึงยุคของโปรเจคเตอร์ก็ทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น อีกทั้งยังมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาพกพาได้อย่างสะดวก
โปรเจคเตอร์ (projector) คือ อุปกรณ์ที่ช่วยในการแสดงภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะสำหรับการนำมาใช้ เสนองานหรือที่เราเรียกว่า presentation หรืออาจนำมาทำเป็น Home Theater โดยปกติ โปรเจคเตอร์สามารถนำมาต่อกับอุปกรณ์ได้หลายประเภท เช่น วีดีโอ วีดีโอซีดี หรือ ดีวีดี รวมทั้งคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เนื่องจากราคาของโปรเจคเตอร์ค่อนข้างสูง ดังนั้นเราจึงควรพิถีพิถันในการเลือกซื้อ ซึ่งมีองค์ประกอบในการเลือก ดังนี้
        -  ระบบเชื่อมต่อ สามารถนำมาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เราต้องการได้หรือไม่ เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ วีดีโอ audio in, out เป็นต้น รวมทั้งสามารถต่อได้พร้อมๆ กันได้หลายอุปกรณ์
        -  ความละเอียดในการแสดงผล เรียกอีกอย่างว่า pixel หรือจุดในการแสดงผล ตัวอย่าง เช่น 800 x 600 หรือ 1024 x 768 โดยจะมีการเรียกความละเอียดเป็น VGA (640 x 480), SVAG (800 x600) , XGA (1024 x 768) และ SXGA มากกว่า 1280 x 1024 คำแนะนำควรเลือกซื้อ ความละเอียดอย่างน้อย SVGA ภาพที่เรารับชมจากภาพยนตร์หรือภาพต่างๆ ในจอคอมพิวเตอร์นั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยการนำ pixel  เป็นจำนวนมากมาประกอบกันขึ้นมาเป็นภาพ โดยที่ resolution ก็คือตัวที่ใช้บอกจำนวนของ pixel ที่ Projector สามารถแสดงออกมาเป็นภาพได้ resolution ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมีดังนี้

             Standard (4:3)

ความละเอียด
พิกเซลแนวตั้ง
พิกเซลแนวนอน
พิกเซลรวม
WVGA
854
480
410000
WSVGA
1024
576
590000
WXGA
1280
720
922000

            Widescreen (16:9)

ความละเอียด
พิกเซลแนวตั้ง
พิกเซลแนวนอน
พิกเซลรวม
WVGA
854
480
410000
WSVGA
1024
576
590000
WXGA
1280
720
922000

        -  Compress Mode คือ สามารถแสดงผลในความละเอียดที่ต่ำกว่าได้ เช่น ความละเอียดของโปรเจคเตอร์ 800 x 600 สามารถแสดงผลในความละเอียดต่ำ 640 x 480 ได้

       -  จำนวนสี ความสามารถในการแสดงสี
       -  Aspect ratio อัตราส่วนระหว่าง จำนวนจุดในแนวตั้ง กับ จำนวนจุดในแนวนอน
       -  ความสว่าง หรือ Brightness มีหน่วยเป็น Ansi Lumen ถ้ามีค่ามาก จะสามารถแสดงภาพในห้องที่เปิดไฟได้ เช่น ความสว่างที่เลือกใช้ เช่น 1000, 1200, 1800, 2000, 3000 Ansi Lumens เป็นต้น ยิ่งความสว่างมากเท่าใด ก็จะแสดงผลได้ดีมากยิ่งขึ้น
          ความสว่างในการใช้งาน ค่าความสว่างในการใช้งาน (Brightness) มีหน่วยวัดเป็น ANSI Lumens ยิ่งมีค่ามาก หมายความว่าตัวเครื่องมีความสว่างมาก ในขณะเดียวกันราคาเครื่องก็จะสูงตามไปด้วย ในการหาโปรเจคเตอร์มาใช้งานนั้นก็ให้ดูขนาดของห้องหรือพื้นที่ที่จะใช้งาน 

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ยูเอสบีแฟลชไดรฟ์

ยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ 






 ยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ (อังกฤษUSB flash drive) เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับเก็บข้อมูลโดยใช้หน่วยความจำแบบแฟลช ทำงานร่วมกับยูเอสบี 1.1 หรือ 2.0 มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ในปัจจุบัน แฟลชไดรฟ์มีความจุตั้งแต่ 4GB ถึง 2TB โดยทั่วไปไดรฟ์จะทำงานได้ในหลายระบบปฏิบัติการซึ่งรวมถึง วินโดวส์ 98/ME/2000/XP/Vista/7 แมคอินทอช ลินุกซ์ และยูนิกซ์
แฟลชไดรฟ์ รู้จักกันในชื่อต่างๆ รวมถึง "ทัมบ์ไดรฟ์" "คีย์ไดรฟ์" "จัมป์ไดรฟ์ และชื่อเรียกอื่น โดยขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ปัจจุบันชื่อสากล จะเรียกว่าแฟลชไดรฟ์

ชื่อเรียกอื่นของแฟลชไดรฟ์

ชื่อเรียกของแฟลชไดรฟ์ (รวมถึงคำว่าแฟลชไดรฟ์) ไม่มีชื่อพื้นฐานที่กำหนด โดยผู้ผลิตได้ตั้งชื่อเป็นโมเดลของตัวเอง ซึ่งได้แก่
  • คีย์ไดรฟ์ (key drive)
  • จัมป์ไดรฟ์ (jump drive) เครื่องหมายการค้าของเล็กซาร์
  • ดาต้าคีย์ (data key)
  • ดาต้าสติ๊ก (data stick)
  • ทราเวลไดรฟ์ (travel drive) เครื่องหมายการค้าของ เมโมเร็กซ์
  • ทัมบ์ไดรฟ์ (ThumbDrive) เครื่องหมายการค้าของ เทร็ค
  • ทัมบ์คีย์ (thumb key)
  • เพนไดรฟ์ (pen drive)
  • ฟิงเกอร์ไดรฟ์ (finger drive)
  • แฟลชไดรฟ์ (flash drive)
  • แฟลชดิสก์ (flash disk)
  • เมโมรีไดรฟ์ (memory drive)
  • ยูเอสบีไดรฟ์ (usb drive)
  • ยูเอสบีคีย์ (usb key)
  • แฮนดีไดรฟ์ (handy drive)

ส่วนประกอบ

Usbkey internals.jpg
ส่วนประกอบพื้นฐานภายในแฟลชไดรฟ์
1USB connector
2USB mass storage controller device
3Test points
4Flash memory chip
5Crystal oscillator
6LED
7Write-protect switch
8Unpopulated space for second flash memory chip
ภาพถ่ายแสดงแผงวงจร(PCB) ของแฟลชไดรฟ์ รุ่น 64 MB USB 2.0 โดยปลายด้านหนึ่งเป็น ยูเอสบีตัวผู้ type-A และภายในจะมีแผงวงจรที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของไดรฟ์

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ CPU Fan


CPU Fan
  • CPU Fan หรือมันก็คือ พัดลมสำหรับระบายความร้อนให้แก่ CPU ในคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คนั่นเองครับ?? พัดลมที่ใช้ในเครื่องโน๊ตบุ๊ค จะมีสป็คแรงไฟอยู่ที่ 5โวลท์ กินกระแสประมาณ .3x Amp (ตรงนี้ก็อยู่ที่ตัวพัดลมในแต่ละ Model ด้วยนะครับ (ผู้เขียนเพียงขอยกเป็นตัวอย่างประกอบเฉพาะบทความนี้เท่านั้นครับ) )? ประกอบด้วยสายไฟสามเส้น ได้แก่สายสีแดงเป็นแรงไฟ 5 โวลท์ สายสีดำ เป็นกราวด์ 0 โวลท์ ส่วนสายสีเหลืองในภาพจะเป็นสายไฟที่ไว้ทำสำหรับสั่งให้พัดลมของซีพียูนั้นๆ หมุนเบา หมุนแรงขึ้น หรือหยุดทำงาน นะครับ เราเลยเรียกมันว่าเป็นสายสำหรับ Sensor นั่นเองครับ
หลักการทำงาน
แบบที่ 1
  • เมื่อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คถูกเปิดขึ้นเพื่อใช้งาน ในบางเครื่อง บางยี่ห้อ บางรุ่น? พัดลมซีพียู จะเริ่มทำงานด้วยรอบความเร็วที่สูงก่อน แล้วต่อจากนั้นจึงค่อยๆหมุนเบาลง?? และก็หยุดหมุนไปเพราะ มันจะมีการตรวจสอบในเรื่องความร้อนของระบบก่อน? เมื่อพบว่ายังร้อนไม่ถึงค่าที่กำหนด? ก็หยุดการหมุน? และจะทำการหมุนขึ้นอีกครั้ง? เมื่ออุณหภูมิความร้อนของ CPU สูงขึ้นถึงค่าที่ถูกกำหนดไว้อีกครั้ง? และหยุดหมุน? จะมีลักษณะการทำงานเป็นแบบนี้?? เพื่อให้เกิดความประหยัดพลังงาน? โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้ได้ใช้แบตเตอรี่จ่ายกระแสเลี้ยงให้แก่เครื่องโน๊ตบุ๊ค? ทำให้ไม่เปลืองแบตเตอรี่นั่นเองครับ
แบบที่ 2
  • เมื่อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของคุณถูกเปิดขึ้น? พัดลมซีพียู จะยังไม่ทำงาน? และก็ยังไม่ทำงานไปอีกเป็นหลายนาที? ในช่วงจังหวัดที่อาจอยู่ในหน้าจอของระบบปฏิบัติการ? และมีการเรียกใช้โปรแกรมการทำงานต่างๆ CPU จะมีการทำงานที่ใช้พลังมากขึ้น? ทำให้เกิดความร้อนสะสมขึ้น? พัดลมซีพียู ก็จะเริ่มทำงานครับ?? และเมื่ออุณหภูมิได้ในระดับของค่าที่กำหนดไว้? ก็จะหยุดหมุนครับ และก็จะหมุนอีกครั้งเมื่อความร้อนสูงนั่นเอ$งครับ
แบบที่ 3
  • เมื่อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมีการถูกเปิดขึ้นเพื่อใช้งาน? พัลมของซีพียู? จะทำงานด้วยรอบความเร็วคงที่ตลอ
ภาพวงจร ควบคุมความเร็วพัดลม CPU
- See more at: http://repair-notebook.com/archives/2463#sthash.0xqVPV36.dpuf

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร

เครื่องถ่ายเอกสาร




ความหมายเครื่องถ่ายเอกสาร

เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นอุปกรณ์สำนักงานอย่างหนึ่งซึ่งใช้ในการสำเนาเอกสาร โดยการใช้ความร้อน หรือหลักไฟฟ้าสถิต ในการอ่านเอกสารต้นฉบับและ พิมพ์เอกสารอีกฉบับออกมา
  • เครื่องถ่ายเอกสารระบบไฟฟ้าสถิต
เครื่องถ่ายเอกสารระบบไฟฟ้าสถิต เป็นกระบวนการถ่ายเอกสารแบบใช้กระดาษเคลือบ ซึ่งใช้ประจุไฟฟ้าลบในการถ่ายทอดภาพจากต้นฉบับ เช่นเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสารแบบใช้กระดาษธรรมดา แต่กระบวนการของระบบไฟฟ้าสถิต ใช้วัสดุและเทคนิคคล้ายกับการอัดรูปถ่าย กล่าวคือ เริ่มต้นด้วยการทำให้กระดาษเคลือบมีประจุไฟฟ้าลบ แล้วปล่อยให้กระดาษเคลือบสัมผัส กับลำแสงที่สะท้อนมาจากต้นฉบับ จากนั้นผ่านกระดาษลงในสารละลายออกและเป่าให้แห้งด้วยอากาศร้อนก่อนออกจากเครื่อง กระดาษเคลือบเป็นกระดาษที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องถ่ายเอกสารผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษ หน้ากระดาษด้านที่สัมผัสกับแสงเคลือบด้วยซิงค์ออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่มีความไวต่อแสง ส่วนด้านหลังกระดาษเคลือบด้วยสารละลายเรซินซึ่งจะอุดรูพรุนของกระดาษ ทำให้กระดาษ ไม่ดูดซับของเหลวเมื่อถูกจุ่มลงในสารละลาย เนื่องจากกระดาษมีความไวต่อแสง ดังนั้น จึงต้องป้องกันไม่ให้ถูกแสง นอกจากในช่วงเวลาที่ถ่ายเอกสารเท่านั้น




  • เครื่องถ่ายเอกสารระบบสอดสี
เครื่องถ่ายเอกสารนี้ สามารถให้ภาพสีบนกระดาษธรรมดา โดยการผสมกันของผงหมึกแม่สี 3 สี คือ สีเหลือง (Yellow) , สีฟ้า (Cyan) , และสีแดง (Magenta) การผสมกันของ ผงหมึกแม่สีทั้งสามสี จะได้สีเขียว (Green) , สีแดง (Red) , สีน้ำเงิน (Blue) และสีดำ (Black) เพิ่มขึ้นมา รวมเป็นสีทั้ง หมด 7 สีด้วยกัน กระบวนการถ่ายเอกสารมีความเร็วมาก การถ่ายเอกสารที่ใช้สีครบเต็มอัตรา ใช้เวลาประมาณ 33 วินาที สำหรับแผ่นแรกและหากใช้ต้นฉบับเดิม แผ่นต่อ ๆ มาจะใช้เวลาแผ่นละประมาณ 18 วินาทีเท่านั้น และหากเลือกจำนวนสีน้อยลง กระบวนการถ่ายเอกสารก็จะยิ่งใช้เวลาน้อยกว่าเดิมอีก บนแผงหน้าปัด ของเครื่องถ่ายเอกสารจะมีปุ่มสำหรับเลือกจำนวนสีและความเข้มที่ต้องการ










ที่มา : http://th.wikipedia.org/


อันตรายจากเครื่องถ่ายเอกสาร

    อันตรายจากเครื่องถ่ายเอกสารมีอยู่จริง แต่ผลกระทบต่อสุขภาพผู้ใช้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า มีการปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วเมื่อมีการใช้เครื่องถ่ายเอกสารแต่ละครั้งจะมี "สภาพที่ไม่ปลอดภัย" ปรากฏออกมา
1. ก๊าซโอโซน

         ก๊าซโอโซนเป็นก๊าซในภาวะที่ไม่เสถียรของก๊าซออกซิเจนก๊าซโอโซนจะเกิดขึ้นในระหว่างที่มีการถ่ายเอกสารซึ่งก๊าซโอโซนนี้จะเกิดขึ้นจากการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงดันสูง ดังเช่น เครื่องถ่ายเอกสาร อุปกรณ์ฉายรังสี และกิจกรรมการเชื่อมไฟฟ้า เป็นต้น ก๊าซโอโซนเป็นสารที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาได้เป็นก๊าซที่ไม่เสถียร ในบรรยากาศการทำงานแบบสำนักงาน ก๊าซโอโซนมี มี half life เท่ากับ นาที ก๊าซโอโซนนี้เป็นก๊าซที่มีความเป็นพิษสูง เป็นอันตรายต่อสุขภาพมากที่สุดในบรรดาอันตรายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการถ่ายเอกสาร ก๊าซโอโซน เป็นก๊าซที่มีกลิ่นหอม เครื่องมือวัดสามารถตรวจจับก๊าซโอโซนได้ถึงแม้ก๊าซโอโซนจะมีความเข้มข้นเพียง 0.01 ถึง 0.02 ppm (ส่วนในล้านส่วน) ระดับความเข้มข้นเฉลี่ย (TWA) ที่ยอมรับให้มีก๊าซโอโซนได้ในบรรยากาศการทำงาน คือ 0.1 ppm ในระหว่างถ่ายเอกสารก๊าซโอโซนเป็นก๊าซหลักที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการหมุนไปและหมุนกลับของแกนหมุนและกระดาษ นอกจากนี้ก๊าซโอโซนยังเกิดขึ้นจากแสงอุลตร้าไวโอเลตที่ออกจากหลอดไฟในเครื่องถ่ายเอกสารด้วย
ผลกระทบต่อสุขภาพ
          ปกติก๊าซโอโซนจะสลายกลับไปเป็นก๊าซออกซิเจนได้อย่างรวดเร็ว ปกติแล้วปริมาณความเข้มข้นของก๊าซโอโซนในบริเวณรอบเครื่องถ่ายเอกสารนั้นจะไม่สูงพอที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ หรืออาการผิดปกติ อัตราการสลายไปเป็นก๊าซออกซิเจนของก๊าซโอโซนนั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลา อุณหภูมิ ซึ่งก๊าซโอโซนจะสลายกลายเป็นก๊าซออกซิเจนได้ดีในสภาวะที่อุณหภูมิสูง นอกจากนี้อัตราการสลายตัวยังขึ้นอยู่กับโอกาสที่ก๊าซโอโซนจะสัมผัสกับพื้นที่ผิววัตถุต่างๆ หากก๊าซโอโซนมีโอกาสสัมผัสกับพื้นที่ผิวต่างๆ ได้มาก ก๊าซโอโซนจะสลายตัวได้ดี
             อย่างไรก็ตาม ความเข้มข้นของก๊าซโอโซนจะเพิ่มขึ้นสูง หากมีการระบายอากาศที่ไม่ดีพอ ถ้าความเข้มข้นของก๊าซโอโซนถึง 0.25 ppm หรือสูงกว่า ก๊าซโอโซนนี้สามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองตา ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ โพรงจมูก ทรวงอก และปอด อาการอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอันมีสาเหตุจากก๊าซโอโซน ได้แก่ อาการปวดศรีษะ หายใจถี่ วิงเวียน ปวดเมื่อย สูญเสียการได้กลิ่นชั่วคราว หากระดับความเข้มข้นของก๊าซโอโซนในบรรยากาศการทำงานสูงถึง 10 ppm จะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้การได้รับก๊าซโอโซนในปริมาณน้อยเป็นระยะเวลานานจะมีผลต่อปอด บางหน่วยงานมีการศึกษาพบว่าว่า ระดับความเข้มข้นของก๊าซโอโซนในบรรยากาศการทำงานที่ 0.1 ppm มีผลทำให้อายุสั้นกว่าที่ควรจะเป็น

2.ผงหมึก 
             ผงหมึกในเครื่องถ่ายเอกสารระบบแห้งเป็นผงหมึกที่มีส่วนผสมของผงคาร์บอนสีดำ (carbon black) โดยทั่วไปผงหมึกจะมีส่วนผสมของผงคาร์บอนดำประมาณ 10% และมีส่วนผสมของ polystyrene acrylic และ polyester resin ผงหมึกที่ละเอียดจะสามารถหลุดออกมาได้ในระหว่างการถ่ายเอกสาร ถ้าระบบควบคุมระดับของผงหมึกเสีย หรือระบบปิดอัตโนมัติที่ควบคุมเศษผงหมึกเสีย นอกจากนี้ผงหมึกยังสามารถหลุดร่วงออกมาได้ระหว่างการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องหรือระหว่างการเปลี่ยนแกนตลับหมึก
ผลกระทบต่อสุขภาพ

              ฝุ่นผงหมึกระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอ หรือจาม ผงหมึกบางรุ่นมีส่วนประกอบของnitropyrenes และ trinitrofluorene ซึ่งแม้ว่า รุ่นของผงหมึกที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะไม่ค่อยมี nitropyrenes และtrinitrofluorene แล้วก็ตาม แต่ยังพบบ้างในผงหมึกบางรุ่น ซึ่ง nitropyrenes และ trinitrofluorene นั้น มีคุณสมบัติเป็นสารก่อมะเร็ง จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผิวหนังหรือการหายใจเข้าไป วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพของผู้ถ่ายเอกสาร คือ เลือกผงหมึกที่ไม่มีสารประกอบดังกล่าว หากผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องปฏิบัติงานที่มีโอกาสที่จะสัมผัสสารโดยผิวหนัง หรือหายใจเข้าไป ผู้ปฏิบัติงานที่ต้องจับต้องตัวกรองหมึก ต้องสวมถุงมือยางแบบใช้แล้วทิ้ง และสวมหน้ากากผ้า ส่วนประกอบ polymer ประเภทเรซินพลาสติกซึ่งพบได้บ่อยในผงหมึกของเครื่องถ่ายเอกสาร สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองได้หากมีการสัมผัสซ้ำ อาการที่พบได้บ่อย คือ เป็นผื่นคัน และยังอาจทำให้เกิดการระคายเคืองตาด้วย ผงหมึกยังมีส่วนประกอบของ Methanol ซึ่งมีคุณสมบัติติดไฟได้ สาร Methanol มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกปวดศรีษะ วิงเวียน ระคายเคืองตา Methanol นี้พบได้ทั้งในเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่อง Laser Printer จึงควรจัดตำแหน่งอุปกรณ์สำนักงานเหล่านี้ให้อยู่ในพื้นที่ที่ถ่ายเทอากาศได้ดี

3. เสียงดัง


              เครื่องถ่ายเอกสารที่สามารถถ่ายเอกสารด้วยความเร็วสูง หรือการถ่ายเอกสารที่สามารถแยกย่อยงานถ่ายเอกสารออกเป็นชุดๆ นั้นจะมีเสียงดัง เครื่องถ่ายเอกสารที่เก่าอาจมีระดับความดังของเสียงถึง 45 dB(A) และเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องใหญ่ก็อาจก่อให้เกิดเสียงดังที่มีระดับความดังของเสียงถึง 80 dB(A) ได้ ทั้งนี้ระดับความดังของเสียงในบรรยากาศการทำงานของสำนักงานโดยทั่วไปนั้น จะมีเสียงดังน้อยกว่า 60 dB(A)
ผลกระทบต่อสุขภาพ

               เสียงดังที่เกิดจากการถ่ายเอกสาร โดยเฉพาะเสียงดังของการถ่ายเอกสารที่ถ่ายต่อเนื่องติดต่อกันทำให้รบกวนผู้ทำงานอื่นๆ ที่อยู่ข้างเคียง ก่อให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่ไม่น่าทำงาน ในอุตสาหกรรมประเภทโรงพิมพ์ เสียงดังนับเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญยิ่ง ก่อให้เกิดปัญหาเสื่อมสมรรถภาพการได้ยิน หูหนวก หรืออาการมีเสียงอื้ออึงในหูของผู้ปฏิบัติงาน

4. แสงอุลตร้าไวโอเลต


                แสงอุลตร้าไวโอเลต หรือรังสีอุลตร้าไวโอเลต เป็นแสงที่ออกจากหลอดฟลูออเรสเซนท์ที่อยู่ในเครื่องถ่ายเอกสารโดยส่วนใหญ่ หลอดที่ใช้ในเครื่องถ่ายเอกสารเป็นหลอดฟลูออเรสเซนท์ที่มีส่วนประกอบของ metal halide หรือquarts แสงที่ออกมาจากเครื่องถ่ายเอกสารเป็นแสงอุลตร้าไวโอเลตซึ่งหากสัมผัสกับดวงตาโดยตรงจะทำให้ปวดแสบตาได้ ดังนั้น ทุกครั้งที่ถ่ายเอกสารจะต้องปิดแผ่นปิด cover ทุกครั้ง
ผลกระทบต่อสุขภาพ               แสงอุลตร้าไวโอเลตเป็นสาเหตุทำให้เกิดการระคายเคืองตา ปวดตา และมีอาการปวดศรีษะได้ หากมองแสงจากเครื่องถ่ายเอกสารโดยตรง นอกจากนี้แสงจากเครื่องถ่ายเอกสารยังทำให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นเกิดความรำคาญ รบกวนการทำงานของเพื่อนร่วมงานได้

5. อันตรายอื่น ๆ จากเครื่องถ่ายเอกสาร

5.1 ระดับอุณหภูมิที่สูงขึ้น
ในการถ่ายเอกสาร เครื่องถ่ายเอกสารจะปลดปล่อยอากาศที่มีความร้อนสูง ดังนั้นหากมีระบบระบายอากาศที่ไม่สามาถกระจายอากาศที่มีความร้อนสูงขึ้นนี้ดีพอ จะเป็นสาเหตุทำให้อุณหภูมิในสำนักงานสูงขึ้น ผู้ที่ปฏิบัติงานในสำนักงานจะรู้สึกไม่สบายตัวเท่าที่ควร
5.2 กล้ามเนื้อล้า
การถ่ายเอกสารติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ในงานถ่ายเอกสารที่มีการออกแบบลักษณะการทำงานที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผู้ถ่ายเอกสารเกิดความเมื่อยล้าจากการทำงานได้
5.3 อันตรายจากสารฟอร์มัลดิไฮด์ น้ำยาที่อาบกระดาษที่ใช้ในการถ่ายเอกสาร

กระดาษที่ใช้ในการถ่ายเอกสาร เรียกว่า Carbonless Copy Paper จะมีการใช้สารฟอร์มัลดิไฮด์เคลือบอาบกระดาษไว้ ซึ่งสารฟอร์มัลดิไฮด์ปริมาณเพียงเล็กน้อยที่ติดอยู่บนผิวกระดาษนั้น สามารถทำให้เกิดอาการเวียนศรีษะ ระคายเคืองผิว ตา และระบบทางเดินหายใจได้ จึงควรหลีกเลี่ยงสัมผัสใบหน้า ตา ในระหว่างที่จับกระดาษ ล้างมือด้วยสบู่อ่อนหลังทำงานจับกระดาษ และทาโลชั่นหลังจากล้างมือ เพื่อป้องกันผิวแห้ง

ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากเครื่องถ่ายเอกสาร

           ผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมจากเครื่องถ่ายเอกสาร พบว่า ผู้ถ่ายเอกสาร หรือผู้ปฏิบัติงานใกล้เคียงจุดที่มีกิจกรรมถ่ายเอกสาร จะมีอาการมึนหัว เวียนศรีษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม เป็นอาการป่วยแบบหนึ่งที่พบบ่อยในกลุ่มคนที่ทำงานในสำนักงาน อาศัยอยู่ หรือทำงานอยู่ในห้องปรับอากาศในอาคารเป็นเวลานาน เป็นอาการป่วยที่เรียกว่าbuilding related illnesses เป็นอาการป่วยเรื้อรัง อันเนื่องมาจากคุณภาพของอากาศในอาคารไม่ดี (IAQ : Indoor Air Quality) อาการป่วยแบบนี้จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน


การทำงานกับเครื่องถ่ายเอกสารอย่างปลอดภัย

ก๊าซโอโซน
1. เลือกใช้เครื่องถ่ายเอกสารที่ปล่อยก๊าซโอโซนต่ำ หรือเลือกใช้เครื่องถ่ายเอกสารที่มีตัวกรองก๊าซโอโซนติดอยู่ที่เครื่อง ตัวกรองก๊าซโอโซนนี้ทำขึ้นจาก activated carbon จะติดอยู่ที่จุดระบายอากาศของเครื่องถ่ายเอกสาร สารตัวกรอง activated carbon สามารถทำให้ก๊าซโอโซนสลายกลายเป็นก๊าซออกซิเจนได้หมด 100%
2. บำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสาร และสารตัวกรองอย่างสม่ำเสมอ การบำรุงรักษาที่ดีสามารถลดการปล่อยก๊าซโอโซนของเครื่องถ่ายเอกสารได้
3. หลีกเลี่ยงที่จะไม่สูดดมกลิ่นใดๆ ที่ออกมาจากเครื่องถ่ายเอกสาร เพราะกลิ่นเหล่านั้นเป็นสาเหตุการระคายเคืองจมูกและทรวงอก ควรมีการตรวจวัดคุณภาพของอากาศในอาคาร (IAQ : Indoor Air Quality) เป็นประจำสม่ำเสมอ
การใช้เครื่องถ่ายเอกสารและการบำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสาร 
1. ในการใช้เครื่องถ่ายเอกสารให้ปฏิบัติตามคู่มือของผู้ผลิต หากมีข้อสงสัยให้ศึกษาจากคู่มือการใช้งานและให้ใช้รุ่นของหมึกตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ การจัดวางตำแหน่งของเครื่องถ่ายเอกสารให้จัดวางในตำแหน่งที่คู่มือของผู้ผลิตแนะนำ ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทเพียงพอ และมีอากาศไหลเวียนได้รอบตัวเครื่องถ่ายเอกสาร
2. ข้อแนะนำของผู้ผลิตเกี่ยวกับการทำความสะอาด การเปลี่ยนตลับผงหมึก ตัวกรอง หรือแปรงต่างๆ จะต้องปฏิบัติตามวิธีการที่กำหนดในคู่มือการใช้งาน
3. ควรจัดทำตารางบันทึกการซ่อมบำรุงรักษาไว้ประจำแต่ละเครื่อง ให้มีการบันทึกลงตารางบันทึกทุกครั้งเมื่อมีการบำรุงรักษา และจัดเก็บตารางบันทึกไว้เพื่อตรวจสอบว่า มีการบำรุงรักษาเป็นไปตามที่กำหนดไว้หรือไม่

การจัดการระบายอากาศ
1. พื้นที่ที่มีการระบายอากาศดีเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการวางเครื่องถ่ายเอกสาร เพราะพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี ฝุ่น ก๊าซและไอระเหยต่างๆ จะถูกกำจัด หรือสลายไปได้โดยง่าย
2. วางเครื่องถ่ายเอกสารไว้ในห้องที่มีการระบายอากาศที่ดี มีอากาศธรรมชาติหมุนเวียน มีอากาศใหม่ไหลถ่ายเททดแทนอากาศเดิมอยู่เสมอ หรือเป็นห้องที่มีระบบกรองอากาศ และบริเวณโดยรอบตำแหน่งที่วางเครื่องถ่ายเอกสารนั้น ต้องเป็นพื้นที่ว่าง เพื่ออากาศไหลเวียนได้โดยสะดวก
3. ควรมีการตรวจวัดความสามารถในการไหลเวียนอากาศในจุดที่วางเครื่องถ่ายเอกสารเป็นประจำ
- เสียงดัง 
วางเครื่องถ่ายเอกสารในตำแหน่งที่จะก่อให้เกิดเสียงดังน้อยที่สุด ถ้าจำเป็นอาจพิจารณาจัดทำฉากกั้น เพื่อกั้นและลดเสียงดังที่เกิดจากเครื่องถ่ายเอกสาร หรืออาจติดตั้งวัสดุดูดซับเสียงดัง






แสงอุลตร้าไวโอเลต และอุณหภูมิของห้องที่เพิ่มสูงขึ้น
1. ปิดแผ่นปิด cover ทุกครั้งที่ถ่ายเอกสาร ป้องกันแสงอุลตร้าไวโอเลตที่อาจจะทำอันตรายดวงตา ด้วยการหลีกเลี่ยง ไม่มองแสงที่ออกจากเครื่องถ่ายเอกสาร
2. หากเครื่องถ่ายเอกสารมีระบบของการป้อนกระดาษ และถ่ายเอกสารอัตโนมัติ ให้ใช้ระบบป้อนกระดาษและถ่ายเอกสารอัตโนมัติ เพราะสามารถป้องกันแสงอุลตร้าไวโอเลตที่ออกจากเครื่องถ่ายเอกสารได้ดีอีกวิธีหนึ่ง
3. ถ้ามีงานถ่ายเอกสารที่ไม่สามารถปิดแผ่นปิด cover ได้ ให้ผู้ถ่ายเอกสารหลีกเลี่ยง ไม่มองแสงจากเครื่องถ่ายเอกสาร
4. ส่วนของเครื่องถ่ายเอกสารจะร้อนในระหว่างที่มีการใช้เครื่อง หากกระดาษติดในเครื่องถ่ายเอกสาร และเมื่อผู้ถ่ายเอกสารหยิบกระดาษที่ติดเครื่องออก อาจทำให้มือ แขนของผู้ถ่ายเอกสารไปสัมผัสถูกส่วนของเครื่องที่ร้อน เป็นแผลพุพองได้ เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายดังกล่าว ในการหยิบกระดาษที่ติดเครื่องออก ควรปิดสวิทซ์เครื่องถ่ายเอกสาร และควรใช้คีมที่ไม่ได้เป็นโลหะคีบจับ เพื่อดึงกระดาษที่ติดในเครื่องออก หากจำเป็นต้องดึงกระดาษที่ติดในเครื่องในบริเวณที่อยู่ใกล้ตำแหน่งของเครื่องถ่ายเอกสารที่ร้อน ให้ปิดสวิทซ์เครื่องถ่ายเอกสาร และรอสักครู่เพื่อให้เครื่องถ่ายเอกสารเย็นเสียก่อน จึงจะสามารถดึงกระดาษที่ติดในเครื่องออกมาได้โดยปลอดภัย

สารเคมีที่ใช้กับเครื่องถ่ายเอกสาร
1. ต้องสื่อสารอันตรายและวิธีการใช้สารเคมีที่ใช้กับเครื่องถ่ายเอกสาร โดยให้ขอ MSDS : Material Safety Data Sheet จากผู้ผลิตเครื่องถ่ายเอกสาร
2. ให้ใช้ระบบควบคุมระดับของผงหมึก และระบบปิดอัตโนมัติที่ควบคุมเศษผงหมึก
3.  ให้สวมถุงมือยางแบบใช้แล้วทิ้ง เมื่อต้องสัมผัสกับสารเคมีที่ใช้กับเครื่องถ่ายเอกสาร หรือสัมผัสสารเคมีโดยใช้ระบบ wet process chemical ในการทำความสะอาด กำจัดตลับผงหมึก หรือผงหมึกนั้น ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้สารเคมี หรือผงหมึกสัมผัสโดนผิวหนัง
4.  หลังจากเปลี่ยนตลับผงหมึก ควรทิ้งตลับผงหมึกเก่าในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิท และติดฉลาก "ของเสียอันตราย" ที่ถุงพลาสติกดังกล่าวด้วย ในการนำถุงพลาสติกที่ใส่ตลับผงหมึกไปทิ้ง ต้องปฏิบัติอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ตลับผงหมึก หรือผงหมึกหก ร่วงได้ และให้นำตลับผงหมึกไปกำจัดตามวิธีการกำจัดของเสียอันตราย  
ที่มา : www.siamsafety.com