สายแลน
สายที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ที่เรียกว่า Switch หรือ HUB (แต่เราสามารถเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเช่นกัน) สายแลนมีอยู่หลายประเภท แต่ละประเภทจะมีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณแตกต่างกันออกไป สำหรับปัจจุบันสายแลนที่นิยมใช้กันมากคือ UTP (UNSHIELD TWISTED PAIR) คือ สายตีเกลียวที่ไม่มีตัวป้องกัน ส่วนหัวที่ใช้ในการเชื่อมต่อสายแลนเรียกว่า RJ45
ประเภทของสาย UTP
ประเภทของสาย UTP
- UTP CAT5 คือ สายแลน ที่เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 100 Mbps (ไม่เป็นที่นิยมใช้กันแล้ว)
- UTP CAT5e คือ สายแลนที่เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 1 Gpbs
- UTP CAT6 คือ สายแลนที่เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10 Gpbs BANWIDTH อยู่ที่ 250MHz
- UTP CAT7 คือ สายแลนที่เป็นสายทองแดงที่มีความเร็วที่ต่ำ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10 Gpbs BANWIDTH อยู่ที่ 600MHz
ทิปการเลือกซื้อ การเลือกสายแลนเพื่อนำมาใช้ แนะนำให้เลือกควบคู่กับอุปกรณ์ Switch หรือ HUB ด้วย (Switch ส่วนใหญ่ในปัจุจบันมีความเร็ว 10/100/1000 Mbps) เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้เชื่อมต่อกันตลอดเวลา สำหรับประเภทของสายแลนขั้นต่ำทีเราเลือกซื้อคือ UTP CAT5e หรือ UTP CAT6 ส่วนสาย UTP CAT7 ยังไม่เป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบันน่ะครับ แต่นำมาแนะนำให้รู้จักกันไว้ก่อนครับ
สายสัญญาณระบบเครือข่ายที่ดีที่สุด
Fiber Optic คืออะไร
Fiber Optic คือ สายสัญญาณของระบบเครือข่ายอีกชนิดหนึ่ง ที่มีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณได้ไกลๆ เป็นกิโลเมตร และมีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับสายแลนทั่วๆ ไป (CAT5, CAT5e, CAT6, CAT7 เป็นต้น)?Fiber Optic เรียกเป็นภาษาไทยว่า "เส้นใยแก้วนำแสง"
คุณสมบัติของ Fiber Optic
Fiber Optic คืออะไร
Fiber Optic คือ สายสัญญาณของระบบเครือข่ายอีกชนิดหนึ่ง ที่มีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณได้ไกลๆ เป็นกิโลเมตร และมีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับสายแลนทั่วๆ ไป (CAT5, CAT5e, CAT6, CAT7 เป็นต้น)?Fiber Optic เรียกเป็นภาษาไทยว่า "เส้นใยแก้วนำแสง"
คุณสมบัติของ Fiber Optic
- Fiber Optic ภายในทำจากแก้วที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก
- มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเท่าเส้นผมของคนเรา
- รับส่งสัญญาณได้ระยะไกลมากเป็นกิโลเมตร
- ต้องใช้ผู้ชำนาญ และเครื่องมือเฉพาะในการเข้าหัวสัญญาณ
- ราคาแพงหลายเท่า เมื่อเทียบกับสายแลนประเภท CAT5
Fiber Optic แบ่งออกได้ 2 ประเภท
- เส้นใยแก้วนำแสงชนิดโหมดเดี่ยว (Singlemode Optical Fibers, SM)
- เส้นใยแก้วนำแสงชนิดหลายโหมด (Multimode Optical Fibers, MM)
การนำไปใช้งานของ Fiber Optic
- ตึกสูงๆ ที่ต้องการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย ทำเป็น Backbone (สายรับส่งสัญญาณข้อมูลหลัก)
- ระบบการรับส่งสัญญาณภาพ วีดีโอ ตามพื้นที่ต่างๆ
- การเชื่อมต่อสัญญาณระยะไกล
- และอื่นๆ อีกมากมาย
ฮับ (HUB) ในระบบเครือข่าย
ฮับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญญาณของอุปกรณ์เครือข่ายเข้าด้วยกัน การจะทำให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์รู้จักกัน หรือส่งข้อมูลถึงกันได้จะต้องผ่านอุปกรณ์ตัวนี้ ปัจจุบันฮับถูกเปรียบเทียบกับ Switch ซึ่งมีความสามารถสูงกว่า และถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์มาตราฐานที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญญาณในระบบเครือข่าย? เรียกว่าฮับตกกระป๋องไปแล้วครับ แต่ยังไง ก็เรียนรู้ไว้สักนิดก็ไม่ผิดกฏกติกาแต่อย่างไร เดี๋ยวจะหาว่าไม่รู้จริง
โดยทั่วไปจะมีลักษณเหมือนกล่องสีเหลี่ยมแต่แบน มีความสูงประมาณ 1-3 นิ้ว แล้วแต่รุ่น มีช่องเล็กๆ เอาไว้เสียบสายแลนแต่ละเส้นที่ลากโยงมาจากคอมพิวเตอร์?มีหลายรุ่น เช่น Hub 4 Ports, 8 Ports, 16 Ports, 24 Ports หรือ 48 Ports เป็นต้น?หน้าตารูปร่างของฮับจะเหมือนกัน Switch ดังนั้นการเลือกซือต้องระวังให้ดี
ฮับ ทำงานอย่างไร
เมื่อใดที่มีคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายต้องการส่งข้อมูล ฮับทำจะหน้าที่ในการทำสำเนาข้อมูลและส่งไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครือข่าย ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ แต่รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยเช่น เครื่องพิมพ์ เป็นต้น เรียกว่าส่งข้อมูลไปทั้งหมด และถ้าข้อมูลนี้เป็นของอุปกรณ์ใด อุปกรณ์นั้นก็จะรับเองอัตโนมัติ? และจุดด้อยของฮับที่ควรทราบคือ เวลามีอุปกรณ์ใดส่งข้อมูลในเครือข่ายผ่านฮับ อุปกรณ์อื่นๆ จะต้องรอให้การส่งสมบูรณ์ก่อน เปรียบเทียบได้กับถนน One-Way ห้ามส่งข้อมูลสวนทางกัน
ความเร็วในการรับส่งข้อมูลของฮับ
ฮับเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญญาณของอุปกรณ์เครือข่ายเข้าด้วยกัน การจะทำให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องคอมพิวเตอร์รู้จักกัน หรือส่งข้อมูลถึงกันได้จะต้องผ่านอุปกรณ์ตัวนี้ ปัจจุบันฮับถูกเปรียบเทียบกับ Switch ซึ่งมีความสามารถสูงกว่า และถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์มาตราฐานที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงสัญญาณในระบบเครือข่าย? เรียกว่าฮับตกกระป๋องไปแล้วครับ แต่ยังไง ก็เรียนรู้ไว้สักนิดก็ไม่ผิดกฏกติกาแต่อย่างไร เดี๋ยวจะหาว่าไม่รู้จริง
โดยทั่วไปจะมีลักษณเหมือนกล่องสีเหลี่ยมแต่แบน มีความสูงประมาณ 1-3 นิ้ว แล้วแต่รุ่น มีช่องเล็กๆ เอาไว้เสียบสายแลนแต่ละเส้นที่ลากโยงมาจากคอมพิวเตอร์?มีหลายรุ่น เช่น Hub 4 Ports, 8 Ports, 16 Ports, 24 Ports หรือ 48 Ports เป็นต้น?หน้าตารูปร่างของฮับจะเหมือนกัน Switch ดังนั้นการเลือกซือต้องระวังให้ดี
ฮับ ทำงานอย่างไร
เมื่อใดที่มีคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่ายต้องการส่งข้อมูล ฮับทำจะหน้าที่ในการทำสำเนาข้อมูลและส่งไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเครือข่าย ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ แต่รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยเช่น เครื่องพิมพ์ เป็นต้น เรียกว่าส่งข้อมูลไปทั้งหมด และถ้าข้อมูลนี้เป็นของอุปกรณ์ใด อุปกรณ์นั้นก็จะรับเองอัตโนมัติ? และจุดด้อยของฮับที่ควรทราบคือ เวลามีอุปกรณ์ใดส่งข้อมูลในเครือข่ายผ่านฮับ อุปกรณ์อื่นๆ จะต้องรอให้การส่งสมบูรณ์ก่อน เปรียบเทียบได้กับถนน One-Way ห้ามส่งข้อมูลสวนทางกัน
ความเร็วในการรับส่งข้อมูลของฮับ
- ความเร็วต่ำสุดคือ 10 MBPS
- ความเร็วสูงสุดคือ 100 MBPS
- บางรุ่นรองรับทั้ง 10 และ 100 เรียกว่า 10/100 MBPS
ข้อดีของระบบ LAN
1. การใช้ทรัพยากรทางฮาร์ดแวร์ร่วมกัน เนื่องจากอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์แต่ละชนิด มีราคาค่อนข้าสูง เพื่อให้ใช้ทรัพยากรเหล่านั้น อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีการนำเอาอุปกรณ์เหล่านั้น มาใช้ร่วมกันเป็นส่วนกลาง เช่น เครื่องพิมพ์ พลอตเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
2. การใช้ซอฟแวร์ร่วมกัน การใช้ซอฟแวร์ร่วมกันในระบบ จะทำให้ประหยัดเนื้อที่ ในการจัดเก็บ และยังสามารถใช้ร่วมกันได้อีก และสามารถ ดูแลรักษาได้ง่าย เช่น เมื่อเราต้องการอัพเกรดซอฟแวร์ใด ก็ทำการอัพเกรดทีเดียว แต่จะมีผลถึงผู้ใข้ซอฟแวร์นั้นๆ ทั้งระบบ เป็นต้น
3. การใช้ข้อมูลร่วมกัน ถ้าแต่ละหน่วยงานมีข้อมูลซึ่งต้องใช้ร่วมกัน ซึ่งถ้าต้องทำการคัดลอกข้อมูล ไปไว้ในแต่ละเครื่อง คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากและสิ้นเปลืองเนื้อที่ ในการจัดเก็บข้อมูลมากทีเดียว การใช้ข้อมูลร่วมกัน ยังทำให้สะดวกเ วลาที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะมีผลกระทบ ไปทั้งระบบ และยังสามารถกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใช้คนใด สามารถใช้ข้อมูลได้ ซึ่งจะเป็น การรักษาความปลอดภัย สำหรับข้อมูล ซึ่งอาจเป็นความลับ และง่ายต่อการสำรองข้อมูล
4. การติดต่อระหว่างผู้ใช้แต่ละคน มีความสะดวกสบายขึ้น หากผู้ใช้อยู่ห่างกันมาก การติดต่ออาจไม่สะดวก ระบบ LAN มีบทบาท ในการเป็นตัวกลาง ในการติดต่อระหว่างผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งอาจจะเป็นการติดต่อ ในลักษณะที่ผู้ใช้ที่ต้องติดต่อด้วยไม่อยู่ ก็อาจฝากข้อความเอาไว้ในระบบ เมื่อผู้ใช้คนนั้น เข้ามาใช้ระบบ ก็จะมีการแจ้งข่าวสารนั้นทันที
1. การใช้ทรัพยากรทางฮาร์ดแวร์ร่วมกัน เนื่องจากอุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์แต่ละชนิด มีราคาค่อนข้าสูง เพื่อให้ใช้ทรัพยากรเหล่านั้น อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีการนำเอาอุปกรณ์เหล่านั้น มาใช้ร่วมกันเป็นส่วนกลาง เช่น เครื่องพิมพ์ พลอตเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
2. การใช้ซอฟแวร์ร่วมกัน การใช้ซอฟแวร์ร่วมกันในระบบ จะทำให้ประหยัดเนื้อที่ ในการจัดเก็บ และยังสามารถใช้ร่วมกันได้อีก และสามารถ ดูแลรักษาได้ง่าย เช่น เมื่อเราต้องการอัพเกรดซอฟแวร์ใด ก็ทำการอัพเกรดทีเดียว แต่จะมีผลถึงผู้ใข้ซอฟแวร์นั้นๆ ทั้งระบบ เป็นต้น
3. การใช้ข้อมูลร่วมกัน ถ้าแต่ละหน่วยงานมีข้อมูลซึ่งต้องใช้ร่วมกัน ซึ่งถ้าต้องทำการคัดลอกข้อมูล ไปไว้ในแต่ละเครื่อง คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากและสิ้นเปลืองเนื้อที่ ในการจัดเก็บข้อมูลมากทีเดียว การใช้ข้อมูลร่วมกัน ยังทำให้สะดวกเ วลาที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะมีผลกระทบ ไปทั้งระบบ และยังสามารถกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใช้คนใด สามารถใช้ข้อมูลได้ ซึ่งจะเป็น การรักษาความปลอดภัย สำหรับข้อมูล ซึ่งอาจเป็นความลับ และง่ายต่อการสำรองข้อมูล
4. การติดต่อระหว่างผู้ใช้แต่ละคน มีความสะดวกสบายขึ้น หากผู้ใช้อยู่ห่างกันมาก การติดต่ออาจไม่สะดวก ระบบ LAN มีบทบาท ในการเป็นตัวกลาง ในการติดต่อระหว่างผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งอาจจะเป็นการติดต่อ ในลักษณะที่ผู้ใช้ที่ต้องติดต่อด้วยไม่อยู่ ก็อาจฝากข้อความเอาไว้ในระบบ เมื่อผู้ใช้คนนั้น เข้ามาใช้ระบบ ก็จะมีการแจ้งข่าวสารนั้นทันที
ข้อเสียของ LAN ระบบต่าง ๆ
ระบบ BUS
- อาจเกิดข้อผิดพลาดง่าย เนื่องจากทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่ออยู่บนสายสัญญาณเพียงเส้นเดียว ดังนั้นหากมีการขาด ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ก็จะทำให้เครื่องอื่นส่วนใหญ่ หรือทั้งหมดในระบบ ไม่สามารถใช้งานได้ตามไปด้วย
- การตรวจหาโหนดเสีย ทำได้ยาก
- เนื่องจากขณะใดขณะหนึ่ง จะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ที่สามารถส่งข้อความ ออกมาบนสายสัญญาณ ดังนั้น ถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวนมากๆ อาจทำให้เกิด การคับคั่งของเน็ตเวิร์ก ซึ่งจะทำให้ระบบช้าลงได้
ระบบ Ring
- หากโหนดใดโหนดหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นจะค้นหาได้ยากว่าต้นเหตุอยู่ที่ไหน และวงแหวนจะขาดออก ทำให้ทั้งระบบใช้งานไม่ได้
ระบบ Star
- เสียค่าใช้จ่ายมาก ทั้งในด้านของเครื่องที่จะใช้เป็น central node และค่าใช้จ่าย ในการติดตั้งสายเคเบิลในสถานีงาน
- การขยายระบบให้ใหญ่ขึ้นทำได้ยาก เพราะการขยายแต่ละครั้ง จะต้องเกี่ยวเนื่องกับโหนดอื่นๆ ทั้งระบบ
ระบบ BUS
- อาจเกิดข้อผิดพลาดง่าย เนื่องจากทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่ออยู่บนสายสัญญาณเพียงเส้นเดียว ดังนั้นหากมีการขาด ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ก็จะทำให้เครื่องอื่นส่วนใหญ่ หรือทั้งหมดในระบบ ไม่สามารถใช้งานได้ตามไปด้วย
- การตรวจหาโหนดเสีย ทำได้ยาก
- เนื่องจากขณะใดขณะหนึ่ง จะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ที่สามารถส่งข้อความ ออกมาบนสายสัญญาณ ดังนั้น ถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวนมากๆ อาจทำให้เกิด การคับคั่งของเน็ตเวิร์ก ซึ่งจะทำให้ระบบช้าลงได้
ระบบ Ring
- หากโหนดใดโหนดหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นจะค้นหาได้ยากว่าต้นเหตุอยู่ที่ไหน และวงแหวนจะขาดออก ทำให้ทั้งระบบใช้งานไม่ได้
ระบบ Star
- เสียค่าใช้จ่ายมาก ทั้งในด้านของเครื่องที่จะใช้เป็น central node และค่าใช้จ่าย ในการติดตั้งสายเคเบิลในสถานีงาน
- การขยายระบบให้ใหญ่ขึ้นทำได้ยาก เพราะการขยายแต่ละครั้ง จะต้องเกี่ยวเนื่องกับโหนดอื่นๆ ทั้งระบบ
สาเหตุของปัญหาที่พบกันได้โดยทั่วไปที่เกี่ยวกับสายสัญญาณ UTP ได้แก่
- • การเข้าหัว Connecter ไม่ดีพอ
- • ปัญหาสายขาดใน
- • ปัญหาการสลับสีหรือสายสัญญาณหรือจับคู่สายใน UTP ไม่เป็นไปตามหลักการ โดยเฉพาะการนำมาเชื่อม กับ 100 Mbps Ethernet
- • ปัญหาการนำสาย Straight - Through (สายตรง) หรือ MDI ไปใช้เชื่อมต่อระหว่าง Hub
- • ปัญหาการนำสาย Crosswire (สายไขว้ภายใน) หรือ MDI-X ไปใช้เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Hub หรือ Switches Hub
- • ปัญหาจากการนำเอาสาย Console มาใช้ติดตั้งระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Hub ปกติ(แทนสายปกติ)
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากสาเหตุต่างๆเหล่านี้พอจะแยกสาเหตุออกได้ดังนี้
- • การเข้าหัวสายไม่ดีทำให้เกิดปัญหา Crosstalk ทำให้เกิดปัญหาเชื่อมต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง ต้องคอยขยับสายรวมทั้งเกิดปัญหา Run Frame อย่างมากมายในเครือข่าย Runt Frame เป็นเฟรมข้อมูลที่มีขนาดเล็ก ผิดปกติ มีสาเหตุมาจากการเข้าหัว RJ-45 ไม่เรียบร้อย รวมทั้งปัญหาของ Lan Card
- • ปัญหาสายขาดในทำให้เชื่อมต่อไม่ได้
- • ปัญหาการสลับสี หรือสลับคู่สายสัญญาณ ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มักทำให้เกิดอาการ หลายประการ เช่น ไม่สามารถใช้ได้กับ Hub บางรุ่นที่มีความเข้มงวดในเรื่องของสัญญาณไม่สามารถใช้งานได้รวมทั้งเครื่อง Hang หรือเครือข่ายล่ม ทันทีที่คอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาสายสัญญาณนี้ มีการทำงานเกิดขึ้นบนเครือข่าย
- • ปัญหาการนำสาย Crosswire ไปใช้เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Hub ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อได้เช่นเดียวกับการเอา สายธรรมดา (Straight - Through) ไปเชื่อมต่อกันระหว่าง Hub กับ Hub ด้วยกัน ซึ่งทำไม่ได้อยู่แล้ว
- • การใช้สาย Console มาเชื่อมต่อกันระหว่างคอมพิวเตอร์กับ Hub กับ Hub ด้วยกัน ก็ไม่สามารถทำได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น